เมื่อฉันบอกว่าจะไปเมือง Jeonju เพื่อนคนเกาหลีก็โพล่งขึ้นมาทันทีว่า อย่าลืมไปกิน bibimbap นะ เขาว่ากันว่า bibimbap ที่นี่เป็นตำรับชาววัง และรสชาติล้ำเลิศกว่าที่เมืองอื่น
ฉะนั้น เป็นเรื่องไม่ยากที่จะหาที่กิน bibimbap ได้ทุกหัวถนน เลือกไม่ถูก
ฉันเลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวแถวๆ Gaeksa ให้เขาช่วยแนะนำร้านให้หน่อย แต่ของเป็นแบบที่คน local ไปนะ ไม่เอาร้านที่ขายนักท่องเที่ยว รอยยิ้มที่ได้กลับมา ทำให้ฉันมั่นใจว่า
ฉันคงจะไม่ผิดหวังแน่
ร้านที่ฉันไปอยู่ในซอยที่เต็มไปด้วยร้านขายอาหาร และป้าย Bibimbap นี่ถ้ามาตอนเที่ยงคงจะคึกคักกว่านี้ ในร้านมีคนนั่งกินอยู่ประมาณสองโต๊ะ ดีเหมือนกันไม่ต้องรอนานเพราะตอนนี้หิวจนตาลาย
ร้านที่ฉันไปอยู่ในซอยที่เต็มไปด้วยร้านขายอาหาร และป้าย Bibimbap นี่ถ้ามาตอนเที่ยงคงจะคึกคักกว่านี้ ในร้านมีคนนั่งกินอยู่ประมาณสองโต๊ะ ดีเหมือนกันไม่ต้องรอนานเพราะตอนนี้หิวจนตาลาย
หลังจากสั่งอาหารได้ไม่นาน Side dishes
ก็ร่อนมาอยู่ตรงหน้าภายในไม่ถึงอึดใจ ชอบอาหารเกาหลีก็ตรงนี้ล่ะ
และอาหารของพระราชาก็เสด็จมาถึง พร้อมกับควันโขมง อบอวลอยู่ตรงหน้า และสีสันที่หลากหลายจากสารพัดผัก ไม่ว่าจะเป็นถั่วงอก ซูคินี แครอท ผักโขม หัวไชเท้าดอง ผักกาด และยังมีเห็ด กับเนื้อ พร้อมไข่แดงดิบอยู่ด้านบน ที่ชอบที่สุดก็ตอนผัดข้าวในโถนี่ล่ะ ที่จะมีเสียงฉู่ฉ่าของอาหารกระทบกับชามที่ร้อนจัด กับกลิ่นและควันที่ลอยมากระทบจมูก (นี่ถ้าสั่งเป็นนะ จะเอาแบบ Original ที่เสิร์ฟในชามหินร้อนและเนื้อดิบ)
ความพิเศษของ bibimbap ของเมือง Jeonju อยู่ที่ข้าวที่หุงด้วยน้ำซุปเนื้อ
และถั่วงอกที่ส่งตรงมาจากแถบตอนเหนือของจังหวัด Jeolla ที่แม้จะเอาไปต้มเป็นเวลานานก็ยังคงความรสสัมผัสที่สดกรอบ
และล่าสุด ทาง UNESCO ได้ประกาศให้เมือง Jeonju เป็นเมืองแห่งศาสตร์ของอาหาร ตามโครงการ Creative Cities ของ UNESCO
Jeonju ถือเป็นเมืองที่สี่ได้รับรางวัลนี้ ต่อจาก Popayan (Colombia, 2005), Östersund (Sweden, 2010) และ Chengdu (China, 2010)
ภารกิจจบสิ้นด้วยดีและอย่างมีสุข แต่เมื่อนึกย้อนถึงบ้านเรา จะมีจังหวัดไหนมั้ยนะ ที่จะได้รับการยกย่องแบบนี้บ้าง
ภารกิจจบสิ้นด้วยดีและอย่างมีสุข แต่เมื่อนึกย้อนถึงบ้านเรา จะมีจังหวัดไหนมั้ยนะ ที่จะได้รับการยกย่องแบบนี้บ้าง
No comments:
Post a Comment