ตลาดหลักที่ฉันไปสำรวจมาสองวันนั้น ที่แรกจะอยู่รอบๆ Citadel ซึ่งห้อมล้อมไปด้วย Khan คือโรงแรมหรือที่พักสำหรับพ่อค้าที่เดินทางในสมัยก่อน ส่วนอีกที่อยู่ทางประตูทางตะวันตกของเมืองเก่า หรือ Bab Antakya ตลาดทั้งสองที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่าตลาดใน Damascus ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเป็นตลาดปิด ที่ห้ามรถเข้าอย่างเด็ดขาด จะมีแต่รถเข็น และจักรยานผ่านไปมาบ้างเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ ยังมีตลาดอีกมากมายทั้งตามถนนสายหลักและสายรอง ในโซนที่เป็นเมืองเก่าและเมืองใหม่ แม้จะดูไม่ต่างจาก Damascus เท่าไหร่นัก แต่ที่ Aleppo จะมีความหลากหลายมากกว่า ในพื่้นที่ที่เล็กกว่า เพราะในตลาดแห่งหนึ่งจะมีสารพัดประเภทสินค้าตั้งแต่เสื้อผ้าอาภรณ์ เครื่องประดับ พรม ผ้าห่ม ของที่ระลึก ไปจนถึงอาหาร เครื่องเทศ ขนม ชา กาแฟ ของสด แม้แต่เนื้อและหัวอูฐห้อยโตงเตงอยู่หน้าร้าน เรียกว่าไม้จิ้มฟันยันเรือรบ
อ้อ! ที่ซีเรียมีวัฒนธรรมในการเชื้อเชิญคนต่างถิ่นจิบน้ำชาด้วยกันกับเขา ฟังดูแล้วออกจะแปลกสักหน่อยสำหรับคนต่างชาติ แต่นี่นอกจากจะเป็นการแสดงมิตรไมตรีที่มีต่อแขก ยังเป็นอีกทางหนึ่งที่จะได้พบปะ พูดคุยกับผู้มาเยือนจากดินแดนต่างๆ อย่างเวลาเดินในตลาดนี่ เจ้าของร้านอาจจะเชิญให้เข้าไปในร้าน นั่งจิบชาหรือกาแฟ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องซื้อของในร้าน และคนขายเองก็ไม่ได้มาคะยั้นคะยอเรา ถ้าเราไม่ได้แสดงทีท่าสนใจ แต่หากไม่สะดวกใจที่จะเข้าไป เราเพียงแค่กล่าวขอบคุณ และปฏิเสธอย่างนุ่มนวล เท่านี้เขาจะยิ้มรับอย่างเข้าใจ
ตอนแรกๆ ที่ถูกเชิญก็รู้สึกอึดอัด และปฏิเสธท่าเดียว เพราะเราไม่มีเพื่อนมาด้วย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งได้คุยกับเจ้าของร้านเครื่องประดับ และเหมือนจะถูกอัธยาศัย เลยรับเชิญไป เขาก็จัดแจงโทรศัพท์สั่งชาให้เอามาเสิร์ฟที่ร้าน นอกจากจะคุยกันในเรื่องทั่วๆ ไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เห็นจะเป็นการถามเรื่องส่วนตัวของเรา โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าเรามาเดินคนเดียว เพราะวัฒนธรรมของเขาหญิงสาวจะไม่เดินทางคนเดียว ฉันจึงมักถูกถามเสมอในเรื่องสถานภาพ ทางที่ดีที่สุดคือโกหกว่าแต่งงานแล้ว แต่งเรื่องให้ฟังดูสมจริง เขาจะได้ไม่ลงลึกมากนัก ถ้าไม่นับเรื่องนี้แล้ว ฉันกลับชอบวัฒนธรรมนี้นะ มันเหมือนกับเราอ่านหนังสือนอกเวลา นอกจากไม่เหงาแล้ว เรายังได้แชร์ประสบการณ์ และรับรู้เรื่องราวนอก guide book อีกด้วย
สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในการเดินตลาดสำหรับฉันคือของกิน!! โลกของขนมและของหวานมีให้เห็นทั่วไปทั้งในและนอกตลาด (ก็คนชอบขนม ก็ต้องพูดเรื่องที่ชอบก่อนจริงป่ะ) ขนมที่นี่นั้นจะมีส่วนผสมหลักๆ อยู่ไม่มากนัก ได้แก่ แป้ง ถั่ว น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อมสารพัดกลิ่นที่ได้จากผลไม้ แล้วก็ เนยและชีส อย่าง Baklava ทำมาจากแป้ง phyllo แผ่นบางหลายชั้น และถั่วพิสตาชิโอ้ บวกกับความหอมมันจากน้ำผึ้งและอบเชย มีหลายหลายรูปแบบให้เลือก เวลาทำทีจะทำเป็นถาดกลมขนาดใหญ่ แล้วจะตัดเป็นชิ้นพอคำ ยังมีขนมที่ใช้แป้ง Kataifi คือแป้ง phyllo อีกแบบหนึ่ง ลักษณะเป็นเส้นเล็ก คล้ายเส้นหมี่ขาว มาทำเป็นฐานใส่ถั่วไว้ตรงกลาง เรียกว่า ish el bilbol (อิช-เอล-บิล-โบล) หรือขนมรังนก เขาดัดแปลงให้ออกมาได้หลายแบบ ดูละลานตาดีแท้ ที่นี้เวลาจะซื้อนี่ซิ เขามักจะขายกันเป็นกิโล (ถ้าเป็นขนมที่อยู่ในถาดใหญ่ๆ) เพราะคนที่นี่ส่วนใหญ่จะซื้อเป็นปริมาณมากในแต่ละครั้ง เพื่อเป็นของฝาก หรือให้คนทั้งครอบครัว แต่หลายร้านก็แบ่งขายเป็นกรัม ให้เลือกชิมกันได้พอหอมปากหอมคอ
ขนมที่ฉันถือว่าเป็น my most favourite นั้น เมื่อดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว กลับดูธรรมดา และไม่ได้อะไรบ่งบอกถึงความอร่อยแม้แต่น้อย เรียกว่า Halawet el Jibne (ฮาราเว็ด-เอล-จิ๊บเน่) ทำจากแป้ง semolina ห่อด้วยชีสที่เรียกว่า ishta (อิช-ต้า) ด้านใน แล้วม้อนเป็นท่อนยาวๆ ก่อนเสิร์ฟเขาจะหั่นเป็นชิ้นพอคำ ราดด้วยน้ำผึ้งและโรยด้วยถั่วพิสทาชิโอ้บด ความนุ่มเนียนของแป้งและชีส กับความหอมหวานของถั่วและน้ำผึ้งนี่ ทำให้อยากจะหยุดเวลาไว้เลย อ้อ! ที่ซีเรียมีวัฒนธรรมในการเชื้อเชิญคนต่างถิ่นจิบน้ำชาด้วยกันกับเขา ฟังดูแล้วออกจะแปลกสักหน่อยสำหรับคนต่างชาติ แต่นี่นอกจากจะเป็นการแสดงมิตรไมตรีที่มีต่อแขก ยังเป็นอีกทางหนึ่งที่จะได้พบปะ พูดคุยกับผู้มาเยือนจากดินแดนต่างๆ อย่างเวลาเดินในตลาดนี่ เจ้าของร้านอาจจะเชิญให้เข้าไปในร้าน นั่งจิบชาหรือกาแฟ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องซื้อของในร้าน และคนขายเองก็ไม่ได้มาคะยั้นคะยอเรา ถ้าเราไม่ได้แสดงทีท่าสนใจ แต่หากไม่สะดวกใจที่จะเข้าไป เราเพียงแค่กล่าวขอบคุณ และปฏิเสธอย่างนุ่มนวล เท่านี้เขาจะยิ้มรับอย่างเข้าใจ
ตอนแรกๆ ที่ถูกเชิญก็รู้สึกอึดอัด และปฏิเสธท่าเดียว เพราะเราไม่มีเพื่อนมาด้วย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งได้คุยกับเจ้าของร้านเครื่องประดับ และเหมือนจะถูกอัธยาศัย เลยรับเชิญไป เขาก็จัดแจงโทรศัพท์สั่งชาให้เอามาเสิร์ฟที่ร้าน นอกจากจะคุยกันในเรื่องทั่วๆ ไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เห็นจะเป็นการถามเรื่องส่วนตัวของเรา โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าเรามาเดินคนเดียว เพราะวัฒนธรรมของเขาหญิงสาวจะไม่เดินทางคนเดียว ฉันจึงมักถูกถามเสมอในเรื่องสถานภาพ ทางที่ดีที่สุดคือโกหกว่าแต่งงานแล้ว แต่งเรื่องให้ฟังดูสมจริง เขาจะได้ไม่ลงลึกมากนัก ถ้าไม่นับเรื่องนี้แล้ว ฉันกลับชอบวัฒนธรรมนี้นะ มันเหมือนกับเราอ่านหนังสือนอกเวลา นอกจากไม่เหงาแล้ว เรายังได้แชร์ประสบการณ์ และรับรู้เรื่องราวนอก guide book อีกด้วย
สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในการเดินตลาดสำหรับฉันคือของกิน!! โลกของขนมและของหวานมีให้เห็นทั่วไปทั้งในและนอกตลาด (ก็คนชอบขนม ก็ต้องพูดเรื่องที่ชอบก่อนจริงป่ะ) ขนมที่นี่นั้นจะมีส่วนผสมหลักๆ อยู่ไม่มากนัก ได้แก่ แป้ง ถั่ว น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อมสารพัดกลิ่นที่ได้จากผลไม้ แล้วก็ เนยและชีส อย่าง Baklava ทำมาจากแป้ง phyllo แผ่นบางหลายชั้น และถั่วพิสตาชิโอ้ บวกกับความหอมมันจากน้ำผึ้งและอบเชย มีหลายหลายรูปแบบให้เลือก เวลาทำทีจะทำเป็นถาดกลมขนาดใหญ่ แล้วจะตัดเป็นชิ้นพอคำ ยังมีขนมที่ใช้แป้ง Kataifi คือแป้ง phyllo อีกแบบหนึ่ง ลักษณะเป็นเส้นเล็ก คล้ายเส้นหมี่ขาว มาทำเป็นฐานใส่ถั่วไว้ตรงกลาง เรียกว่า ish el bilbol (อิช-เอล-บิล-โบล) หรือขนมรังนก เขาดัดแปลงให้ออกมาได้หลายแบบ ดูละลานตาดีแท้ ที่นี้เวลาจะซื้อนี่ซิ เขามักจะขายกันเป็นกิโล (ถ้าเป็นขนมที่อยู่ในถาดใหญ่ๆ) เพราะคนที่นี่ส่วนใหญ่จะซื้อเป็นปริมาณมากในแต่ละครั้ง เพื่อเป็นของฝาก หรือให้คนทั้งครอบครัว แต่หลายร้านก็แบ่งขายเป็นกรัม ให้เลือกชิมกันได้พอหอมปากหอมคอ
นอกจากนี้ยังมี Knafeh (คนา-เฟ่) ที่ทำจากแผ่นแป้ง kataifi แต่งกลิ่นด้วย rose และ orange blossom water และโรยด้วยถั่ว และขนมที่ทำจากครีม qashta (คาช-ต้า) อันนี้มีคนแนะนำมา ด้านล่างจะคล้ายกับแป้งเค้ก ส่วนด้านบนจะเป็นครีมเนื้อนุ่มหอมมัน แต่ความหวานนี่นำโลด เรียกว่าชนะเลิศรับเหรียญทองไปเลย
ส่วนอาหารว่างบางอย่างที่เคยลองใน Damascus ปรากฏว่าที่ Aleppo นั้นอร่อยกว่า อย่าง fuul bi laban (ฟูล-บิ-ลา-บัน) ที่ดูเหมือนซุป ทำจาก fava beans โยเกิร์ต มะเขือเทศ และน้ำมันมะกอก ซึ่งเป็นที่นิยมของคนซีเรีย เสิร์ฟร้อนๆ คู่กับ ขนมปัง pita และหอมดอง อุ่นท้องได้ดีในวันฝนพรำและอากาศเย็น รสชาติจะออกเปรี้ยวจากมะนาวและโยเกิร์ต หอมมัน แต่ไม่ข้นจนเกินไป กลิ่นหอมจาก paprika และ pasley ช่วยตัดความมันได้ นอกจากนี้ยังมีขนมปังแผ่นบางกลมทาด้วย Za’atar (ซา-ทาร์) หรือผงปรุงรสชนิดหนึ่งมีทั้งสีเขียวและแดง โดยเอา herb หลายอย่างมาอบแห้ง เช่น กะเพรา ไธม ซูมักแห้ง งา ผสมกับเครื่องเทศบางอย่างเข้าด้วยกัน เมื่อโรยซาทาร์บนแผ่นแป้ง จึงนำไปอบเล็กน้อย ดูแล้วคล้ายๆ กับพิซซ่า
ใกล้ๆ กับที่พัก ยังมีร้านอาหารมากมายหลายระดับราคาให้เลือก ฉันชอบ shwama เล็กๆ อยู่ร้านหนึ่ง ไม่มีที่นั่ง ถ้าไม่ซื้อแบบ to-go หรือที่เอากลับไปกินบ้าน ก็ยืนกินหน้าร้านไม่ว่ากัน และที่พลาดไม่ได้เห็นจะเป็น juice bar ร้านน้ำผลไม้ปั่น อัดแน่นไปด้วยผลไม้นานาชนิด แล้วแต่เราจะ create ว่าจะเอาผลไม้อะไรผสมกัน หรือจะเอาตามเมนูที่ร้านสร้างขึ้นมาก็แล้วแต่จะลองกันไป แถมยังมีร้านขายเครื่องเคียง อย่างมะกอกสารพัดแบบ ชีส ผักดอง ขนมปังกรอบ ผลไม้แห้ง ถั่วอบแห้งให้เลือกไว้เป็นเสบียงตุนได้อีกด้วย
“Ana sa-id” นี่ละความสุขในแบบของฉันใน Aleppo เป็นความสุขที่ได้จากการลอง ชิม และพูดคุย พบปะผู้คน ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่แม้จะหาได้จากหนังสือ หรืออินเตอร์เนต มันก็ไม่เท่ากับที่ได้มายืนที่นี่ ได้สัมผัสบรรยากาศจริง เป็นอีกหนึ่งเมืองที่น่าตกหลุมรัก
No comments:
Post a Comment