All magic comes with the price. แม้แต่ในโลกของ fairy tale ก็ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ
ยิ่งไปกว่านั้น มีหลายคนพร้อมที่จะยอมจ่ายเพื่ออำนาจวิเศษอย่างไม่มีเงื่อนไข
Once Upon A Time เป็น series ที่เอา plot จาก fairy tale ที่เราซึมซับตั้งแต่เด็กมาดัดแปลงเชื่อมโยงเข้ากับโลกปัจจุบันได้อย่างน่าติดตาม (จนไม่ได้หลับได้นอนกันทีเดียว) และอดทึ่งไม่ได้กับจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัดของผู้เขียนมือฉมังจาก Lost ที่ฉันต้องยกเครดิตให้กับเรื่องเล่าเรื่องราวที่กระชับในแต่ละ episode
Flashback ถือเป็นจุดเด่นในการเล่าเรื่องและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของตัวละครจาก fairy tale ที่ถูกเนรเทศมาอยู่ในโลกสมัยใหม่ในเมือง Storybrooke รัฐ Maine โดย Evil Queen หรือแม่เลี้ยงของ Snow White ที่ต้องการขโมยความสุขของทุกคนโดยเฉพาะ Snow White และ Prince Charming ในวันแต่งงาน รวมถึงความเป็นมาที่เป็นกระจกสะท้อนทั้งอดีตและผลของตัวละครทั้งสองฟากโลก โดยมี Emma Swan ลูกสาวของ Snow White ที่เป็นความหวังเดียวในการแก้คำสาป นอกจากนี้ ยังมีการปรับลดความชัดเจนของโลกที่เป็นสีขาวและดำ โดยให้พวกเขาแสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างเสรีเหมือนปุถุชนทั่วไป ไม่ว่า Evil Queen จะโหดเหี้ยมแค่ไหน เธอก็รัก Henry ประหนึ่งลูกแท้ๆ ของตน หรือ Snow White เด็กสาวที่อ่อนหวานแต่ก็เข้มแข็ง และพร้อมต่อสู้เพื่อรักแท้ หรือการหักมุมคาแร็กเตอร์ของสาวน้อยหมวกแดง ที่ขาดเสื้อคลุมสีแดงไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงความไม่ปลอดภัยของผู้อื่น โดยเฉพาะในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง
Once Upon A Time เป็น series ที่เอา plot จาก fairy tale ที่เราซึมซับตั้งแต่เด็กมาดัดแปลงเชื่อมโยงเข้ากับโลกปัจจุบันได้อย่างน่าติดตาม (จนไม่ได้หลับได้นอนกันทีเดียว) และอดทึ่งไม่ได้กับจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัดของผู้เขียนมือฉมังจาก Lost ที่ฉันต้องยกเครดิตให้กับเรื่องเล่าเรื่องราวที่กระชับในแต่ละ episode
Flashback ถือเป็นจุดเด่นในการเล่าเรื่องและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของตัวละครจาก fairy tale ที่ถูกเนรเทศมาอยู่ในโลกสมัยใหม่ในเมือง Storybrooke รัฐ Maine โดย Evil Queen หรือแม่เลี้ยงของ Snow White ที่ต้องการขโมยความสุขของทุกคนโดยเฉพาะ Snow White และ Prince Charming ในวันแต่งงาน รวมถึงความเป็นมาที่เป็นกระจกสะท้อนทั้งอดีตและผลของตัวละครทั้งสองฟากโลก โดยมี Emma Swan ลูกสาวของ Snow White ที่เป็นความหวังเดียวในการแก้คำสาป นอกจากนี้ ยังมีการปรับลดความชัดเจนของโลกที่เป็นสีขาวและดำ โดยให้พวกเขาแสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างเสรีเหมือนปุถุชนทั่วไป ไม่ว่า Evil Queen จะโหดเหี้ยมแค่ไหน เธอก็รัก Henry ประหนึ่งลูกแท้ๆ ของตน หรือ Snow White เด็กสาวที่อ่อนหวานแต่ก็เข้มแข็ง และพร้อมต่อสู้เพื่อรักแท้ หรือการหักมุมคาแร็กเตอร์ของสาวน้อยหมวกแดง ที่ขาดเสื้อคลุมสีแดงไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงความไม่ปลอดภัยของผู้อื่น โดยเฉพาะในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง
นอกจากนี้ ผู้เขียนบทยังลงลึกในรายละเอียดอย่างชื่อของตัวละครที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กัน
เช่น Regina หรือ Evil Queen มาจากภาษาลาตินหมายถึง
Queen ส่วน Mills
ซึ่งเป็นนามสกุลของเธอ คือแอปเปิ้ลในภาษากรีก ซึ่งเป็นผลไม้ที่เธอใช้วางยา
Snow White สอดคล้องกับโลกปัจจุบันที่เธอก็ยังชื่นชอบ
ถึงขั้นลงมือปลูกเอง Mary Margaret
Blanchard หรือ Snow White นั้น นามสกุลมีรากศัพท์มาจากภาษาฝรั่งเศส
Blanc ที่หมายถึงสีขาว ส่วนชื่อหน้าและกลางมีเค้ามาจากบุคคลจริงที่เชื่อว่าเป็นต้นแบบคาแรกเตอร์ของ
Snow White ส่วนสาวน้อยหมวกแดง หรือ Red Riding Hood ที่ใช้ชื่อ Ruby (ในยุคปัจจุบัน) หรือทับทิม อัญมณีสีแดงสดซึ่งเป็นสีประจำของเธอ
ตัวละครที่เป็นสีสันในสายตาฉันเห็นจะเป็นฝ่ายอธรรม
อย่าง Rumpelstilskin (Mr. Gold) และ Evil Queen
(Regina) ดูจะมีมิติมากที่สุด ทั้งในเรื่องความรัก ที่เป็นจุดเปลี่ยนไปสู่ด้านที่มืดที่สุด
การล่อลวงด้วยอำนาจมืดเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ การร่วมมือกันเมื่อมีผลประโยชน์ต่างตอบแทน
และการหักเหลี่ยมโหดของทั้งสองฝ่าย นับเป็นการคานอำนาจอย่างดุเดือดและสูสีที่ไม่อาจจะคลาดสายตาไปได้
แล้ว Season 2 จะเป็นยังไงต่อไป เมื่อโลกของ magic
เข้าครอบงำ ตัวละครใน fairy tale จำได้แล้วว่าตัวเองติดกับดักเวลาในโลกใหม่ ชีวิตพวกเขาจะเป็นอย่างไร Emma จะรู้สึกยังไงที่จะได้เจอพ่อแม่ตัวเอง
(ที่อายุไม่ต่างกันเลย) Catherine จะได้เจอคู่แท้ของเธออย่าง
Frederic รึเปล่า แล้ว Rumplestilskin อยู่ฝ่ายไหนกันแน่
และตัวละครจาก fairy tale เรื่องไหนจะมาเสริมทัพ แค่คิดก็อดใจรอไม่ไหวแล้วล่ะ
เคยคิดมั้ยว่า นี่อาจจะไม่ใช่โลกที่เรามีตัวตนอยู่จริงเพียงแห่งเดียว Jefferson หรือ Mad Hatter ได้ย้ำว่า
โลกแห่งความเป็นจริงมีมากกว่านั้น ... ทุกที่ย่อมต้องมีกฎ บางที่ใช้เวทมนต์
บางที่ก็ไม่จำเป็น และบางที่ก็ต้องการมัน ...
No comments:
Post a Comment